เชื่อว่าใครที่เป็นคอหนัง หรือชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจน่าจะต้องรู้จักกับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างดีแน่นอน เพราะเป็นหนังแนวสงครามที่เข้าฉายผ่านมาแล้วกว่า 3 ทศวรรษ และได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกจนสามารถเข้าชิงรางวัลลัออสการ์ทุกสาขาในปีที่ออกฉายได้ เป็นหนังมีชื่อว่า ‘The Thin Red Line’ หรือในชื่อภาษาไทย ‘ฝ่านรกยึดเส้นตาย’ เขียนบทและกำกับโดย เทอร์เรนซ์ มาลิก นำแสดงโดย ฌอน เพนน์, จิม คาวีเซล, นิก โนลต์, อีไลอัส โคเทียส และเบน แชปลิน

เรื่องราวสมมติในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
The Thin Red Line เป็นหนังแนวสงครามที่ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือนวนิยายอัตชีวประวัติของ ‘เจมส์ โจนส์’ ในชื่อเดียวกันที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1962 ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นหนังในปี ค.ศ. 1964 นำเสนอเรื่องราวสมมติเกี่ยวกับของยุทธการที่ภูเขาออสเตนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 1943 กองทัพสหรัฐฯ มีความพยายามที่จะปราบปรามกองกำลังญี่ปุ่นที่ต่อต้านรัฐบาล เป็นการปะทะกันที่เกาะกัวดัลคาแนล เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะโซโลมอน ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยการต่อสู้กันที่ดุเดือดนี้ถือเป็นการทดสอบกำลังพลทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งฉากต่าง ๆ ในเรื่องจะแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม ดูเหมือนว่าเหตุผลของการเกิดสงครามในครั้งนี้จะเลือนรางลงไปเรื่อย ๆ ในขณะที่โลกของผู้ชายก็ยิ่งเล็ก เล็กลง จนกระทั่งการต่อสู้ของพวกเขามีเหตุผลแค่เพียงเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น

คำวิจารณ์ที่ดี ไม่เท่ากับการได้รางวัลการันตี
ภาพยนตร์เรื่อง The Thin Red Line มีความยาว 3 ชั่วโมง เข้าฉายอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1998 แม้จะมีนักแสดงภายในเรื่องอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นหนังที่ไม่มีนักแสดงนำ มีความโดดเด่นในด้านการกำกับภาพ จนได้รับรางวัลหมีทองคำ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน และถูกจัดให้เป็นผลงานที่ยอเยี่ยมบน Box Office อีกทั้งถึงแม้จะสามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้ แต่ก็ไม่ได้รับรางวัลใด ๆ ในปีนั้นไป ซึ่งสวนทางกับความเห็นของผู้ชมที่ได้ชมได้แล้วเล่าว่า นี่เป็นภาพยนตร์ที่ Impact มากที่สุดเท่าที่เคยดูมา ในขณะที่นักวิจารณ์ให้ความเห็นว่า นี่เป็นหนึ่งในภาพยนตร์สงครามที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา

‘สงคราม’ เหมือนกัน แต่ถ่ายทอด ‘ไม่เหมือนกัน’
ถึงแม้จะมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ The Thin Red Line ก็ยังเคยถูกยกนำไปเปรียบเทียบกับหนัง ‘Saving Private Ryan’ ของ ‘สตีเว่น สปีลเบอร์ก’ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่นกัน และได้เข้าฉายในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกัน แต่เนื้อหานั้นจะเน้นไปที่ความรุนแรงและความโหดร้ายของสงครามมากกว่า ที่ฉายภาพให้ผู้ชมได้เห็นเลือดเนื้อและความตายกันแบบชัด ๆ จึงทำให้ได้เห็นว่าในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันโดยตรงได้ เพราะ The Thin Red Line นำเสนอความเป็นสงครามผ่านถ้อยคำของเหล่าทหารในแนวปรัชญาชีวิตและการตั้งคำว่า “ชีวิตคืออะไร ?”, พวกเขา “มาที่นี่ทำไม” ทำให้เห็นว่าความโหดร้ายที่แท้จริงของสงครามไม่ได้มีผลแค่เพียงร่างกาย แต่ยังทำลายลึกลงไปถึงจิตวิญญาณและความเป็นมนุษย์ ซึ่งหลายคนพูดตรงกันว่า The Thin Red Line “ดูยากกว่ามาก”

‘จีน ซิสเกล’ นักวิจารณ์หนังชาวอเมริกันได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ The Thin Red Line เอาไว้ว่า “หลักแหลม… มหัศจรรย์… ภาพยนตร์สงครามที่ดีที่สุดแห่งยุค” ส่วนความเห็นบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ระบุว่า “ยิ่งใหญ่ น่ากลัว เป็นความสำเร็จ เป็นตัวอย่างของความงดงามที่ศิลปะภาพยนตร์สามารถบรรลุได้ เป็นภาพยนตร์เรื่องเดียวที่ทำให้ฉันน้ำตาซึมเพราะความงดงามอย่างแท้จริง ซึ่งอาจฟังดูขัดกับสามัญสำนึก เพราะนี่คือภาพยนตร์เกี่ยวกับสงคราม”

หากใครอยากจะรู้ว่า The Thin Red Line ดูยากยังไง ดูแล้วจะต้องตีความมากมายขนาดไหน ก็สามารถเข้าไปดูกันได้แล้ววันนี้บนสตรีมมิง Disney+