เมื่อเราพูดถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น หลายคนอาจจะนึกเพียงว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ หรือเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่สำหรับ พัฒนชัย ลิมไธสง จาก บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีบุรีรัมย์ ผู้ที่ร่วมขับเคลื่อนงานวิสาหกิจเพื่อสังคม ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ มีมุมมองที่น่าสนใจอย่างมาก
จากที่เราได้กลับมาทำงานอยู่บ้านที่จังหวัดบุรีรัมย์ หน้าที่เราคือลงพื้นไปช่วยชุมชนมองหาโอกาสทางการตลาด เชื่อมโยงสร้างองค์ความรู้ และการสื่อสาร เราดูแลหลักๆ อยู่ 12 ชุมชนทั้งจังหวัดบุรีรัมย์ คอลเลคชั่นนี้เราเลยเลือกสินค้าของชุมชนที่โดดเด่นมาให้ทุกท่าน "Signature of Buriram" เราจึงเลือกสรรเซ็ตนี้มาจากความร่วมมือกับชุมชนช่างทอผ้าภูอัคนี บ้านเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เป็นผ้าที่ย้อมดินภูเขาไฟที่มีที่เดียวในโลก และยังมีเซ็ต ข้าวปลาอาหาร ที่ร่วมมือกับชุมชนบ้านสวายสอ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ทำข้าวอินทรีย์กว่า 600 ไร่ นอกยังนี้ ผืนนาแห่งนี้ชาวนาก็ยังมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยที่สูญพันธุ์จากเมืองไทยไปแล้ว ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งที่พื้นที่ชุ่มน้ำ จ.บุรีรัมย์ จึงเป็นการคัดสรรสิ่งดีๆ ที่ชุมชนร่วมมือกันทำ เพื่อได้ส่งต่อให้ทุกคน พร้อมออกแบบในรูปแบบกล่องให้สะดวกสบายและใช้งานได้ง่ายมีทั้งหมด 3 ชุด 1. ชุดผ้าทอบุรีรัมย์ 2. ชุดผ้าภูอัคนีย้อมสีธรรมชาติดินภูเขาไฟ 3. ชุด ข้าว ปลา อาหาร
ผ้าที่ย้อมดินภูเขาไฟนี้ มันมีเรื่องเล่าว่า ยายสมศรี ถุนนอก คือชาวบ้านเจริญสุขของเรานี่แหละ ยายมีความรู้และภูมิปัญญาเรื่องการทอผ้าได้ไม่เป็นรองใครเลย ตอนนี้คุณยายยังคงช่วยลูกๆ หลานๆ ทอผ้าอยู่ในชุมชน วันหนึ่ง คุณยายขึ้นไปเก็บเห็ดบนเขาอังคาร แล้วสีดินติดผ้าถุงมาซักยังไงก็ไม่ออก ประจวบกับในตอนนั้นทางราชการกำลังพัฒนาเรื่องเอกลักษณ์ชุมชนส่งเสริมอัตลักษณ์อยู่ ยายเลยลองนำดินมาย้อมผ้าดู ทั้งภูเขาไฟที่อยู่ในบุรีรัมย์ที่มีอยู่ 6 ลูก ก็เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ถือว่ามีภูเขาไปมากที่สุดในประเทศไทยด้วย ที่สำคัญ เขาอังคารนี้ก็ยังมีอังคารธาตุของพระสัมมาสัมมาสัมพุทธประดิษฐานบนภูเขาไฟอีก นอกจากความเป็นธรรมชาติ 100% แล้ว ใครที่ได้ใส่ผ้าย้อมดินภูเขาไฟก็ยังได้รับยังศิริมงคลทั้งผู้ให้และผู้รับด้วย
ชุดผ้าย้อมมันก็คือผ้าทอเหมือนกัน เพียงแต่จะต่างกันตรงที่เทคนิคการผลิตกับเรื่องราวและวัฒนธรรมในแต่ละชุมชน ซึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์มีทั้งชาวไทยเขมร ชาวไทยส่วย และชาวไทยลาว แต่ละเชื้อสายก็มีวัฒนธรรมลวดลายของผืนผ้าที่แตกต่างกันไป อย่าง ชาวไทยลาวก็จะนุ่งผ้าไหมมัดหมี่ ลายก็จะมีเยอะมากตามจินตนาการและความเชื่อของแต่ละคน ชาวไทยเขมรก็จะนุ่งผ้าหางกระรอก ผ้าทออัมปรมและผ้าขาวม้าก็คือผ้าทอชนิดหนึ่งที่ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ลวดลายและสีสันก็ขึ้นอยู่กับความชอบและวัฒนธรรมความเชื่อของแต่ละชุมชน
เราอยากให้ทุกคนได้รับรู้ว่าชุมชนเรามีช่างทอฝีมือดีๆ เยอะมาก อยากให้หลายๆ คนหันมาเลือกใช้ผ้าที่ชาวบ้านทอ เพราะนอกจากจะเป็นการส่งเสริมอาชีพของคนในชุมชนแล้ว ยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นไม่ให้เลือนหายไปพร้อมกับการพัฒนาที่เร่งรีบ เรายังมีชุมชนทอผ้า ปลูกหม่อน เลี้ยงไหมอยู่ และผ้าทอมือบ้านเราก็ไม่ได้น้อยหน้าที่ไหนด้วย
อีกอย่างที่เราเลือกผ้าภูอัคนีนี้มันคือผ้าที่ยกระดับภูมิปัญญาของบ้านเราจริงๆ คือนำความรู้ที่มีอยู่มาต่อยอด นำทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่รอบตัวมาใช้ให้เกิดมูลค่า เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และออกแบบให่เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้หวนกลับมาใช้แล้วพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ก็มีหน่วยงานหลายภาคส่วนเข้ามาส่งเสริม ทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชน หรือแม้กระทั่งบริษัทฯ ที่เราทำงานอยู่ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีบุรีรัมย์ (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด นั้นเป็นหนึ่งส่วนๆ เล็กที่ร่วมขับเคลื่อนชุมชนของเราไปด้วยกันอย่างยั่งยืนและสมดุล
มุมมองของเราในกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบันนี้ ความชอบที่เปลี่ยนไปนั้น เราว่ามันส่วนทางกันนะ ทุกคนเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ เราคิดว่าเราก้าวไปไกล แต่ในทางกลับกันหลายคนก็หวนหาอดีตที่เคยผ่านมา เราว่าตอนนี้เทรนโลกมันย้อนสู่ภูมิปัญญาไทยมากขึ้น คนเราต้องการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ มีอาชีพฟรีแลนซ์ บล็อกเกอร์เยอะมาก เราพยายามหาความต่างมากมาย สุดท้ายแล้วภูมิปัญญาที่เรามีจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เราจะนำมาต่อยอดยังไงให้คนรุ่นเราเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ส่วนความเปลี่ยนแปลง หรือการรับมือนั้น เราคิดว่าเราห้ามการเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก ที่บุรีรัมย์เราก็มีสนามฟุตบอล ปีนี้คุณแนน ชิดชนก ชิดชอบ ก็มาร่วมมือกับชุมชนทอผ้าช่างทอผ้าฝีมือดีส่งให้กับสนามโดยไม่คิดกำไร นี่เราว่ามันก็เป็นการปรับนิดๆ หน่อยๆ ให้สินค้าบ้านเรารับรู้ได้ในสากล บางทีเราก็หลง บางทีเราก็ลืม บางที่เราก็คิดว่าสิ่งที่เรามีมันไม่ดีเท่าของที่อื่น หากคนบ้านเราไม่ส่งเสริมสนับสนุนสินค้าบ้านเรา แล้วใครจะมาช่วยเรา
เราว่าเจเนอเรชั่นที่จะอยู่ต่อ คือ ลูกๆ หลานๆ ของคนในชุมชน ตอนนี้เราไปบ้านไหนๆ ที่เราไปเราเจอแต่เด็กและผู้สูงอายุ แล้ววัยทำงานไปไหนกันหมดหรอ ? ที่บ้านมันไม่มีอาชีพที่สามารถเลี้ยงชีพเขาได้ตามความต้องการยุคใหม่ ไม่มีงานที่ตอบโจทย์ชีวิตที่เขาต้องการ เราว่าหัวใจมันคือการพัฒนาคนให้กลับมาพัฒนาบ้านเกิด มาเลือก มาต่อยอด มานำภูมิปัญญาที่เรามีในชุมชน ให้ได้มาสร้างชุมชนสร้างสรรค์ไปด้วยกัน มันจะเข้มแข็งมาก เราเห็นพลังของคนรุ่นใหม่ที่มีจิตใจเข้มและกล้าที่จะเลือกทำในสิ่ง มาร่วมมือกัน สร้างเครือข่ายการทำงานไปด้วยกัน ผู้สูงอายุก็รุ้สึกมีคุณค่าในการได้ถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้ที่มีให้แก่ลูกหลาน จุดเริ่มต้นของความมั่นคงคือครอบครัว ทุกคนได้อยุ่พร้อมหน้ากัน ได้ทำงานที่รัก และดูแลคนที่คุณรักไปด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นบทสนทนาสั้นๆที่ทำให้เรามองเห็นอีกหนึ่งมุมมองของคนตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่เลือกที่จะกลับบ้านเกิดตัวเอง ผลักดัน สร้างการเปลี่ยนแปลง ให้เกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ด้วยความใฝ่เรียนรู้พัฒนาตัวเอง สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับบ้านเกิดของตัวเอง ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าทั้งหมดได้ที่ https://www.facebook.com/prsburiram/
เราเป็นคนบุรีรัมย์ที่เมื่อก่อนไม่อยากกลับมาอยู่บ้านเลย เพราะไม่รู้จะกลับมาทำอะไรที่นี่ มีนิตยสารเล่มหนึ่งชวนเรากลับบ้าน เราอ่านแล้วรู้สึกว่าเราอยากกลับมาอยู่บ้านเรา ตอนนี้เราก็เลยได้รับโอกาสดีๆ ให้มาทำงานสานพลังเพื่อบ้านเกิด มาเป็นนักพัฒนาธุรกิจชุมชน บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีบุรีรัมย์ (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
ถ่ายภาพโดย ปนัดดา ประเสริฐศรี