เหมือนเวลาที่กำลังเดินทางไปใช้เวลาไม่เท่าไหร่ก็เดินทางมาถึงอีกวันสำคัญของชาวคริสต์ อย่าง วันคริสต์มาส กันอีกแล้ว สิ่งที่เราเห็นเป็นประจำทุกปี ไม่ว่าจะเป็นตามบ้าน สถานที่สำคัญ ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าก็คือ ต้นคริสต์มาส ที่ถูกประดับประดาไปด้วยกล่องของขวัญและไฟสีสันต่างๆ เพื่อความสวยงามและนับเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข นี่นับเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าที่ใครหลายคนต่างรู้กัน ทั้งยังถือปฏิบัติส่งของขวัญเพื่อมอบความสุขให้กันและกันเป็นประจำทุกปี แต่รู้หรือไม่ว่า เทศกาลคริสต์มาสนั้นมีความเกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์ด้วย มีความเกี่ยวข้องกับวันที่ 22 ธันวาคมด้วย ! นี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ย
สิ่งที่ขาดไปไม่ได้นอกเหนือจากต้นคริสต์มาส ไก่งวง และของขวัญ คาแรคเตอร์สำคัญที่ทำหน้าที่ส่งมอบความสุขสุดพิเศษให้กับเด็กๆ ในวันนี้ก็คือ คุณลุงซานต้าและเหล่ากวางเรนเดียร์คู่ใจ เดี๋ยววันนี้จะพาไปรู้เรื่องราวของพวกเขาและวันสำคัญสุดพิเศษนี้ในมุมที่แตกต่างจากที่เคยรู้มาแน่นอน
ย้อนกลับไปในยุคโรมัน หรือประมาณ 2,000 ปีก่อน ทุกวันที่ 22 ธันวาคมของทุกปีจะเป็นวันที่ดวงอาทิตย์ได้โคจรออกห่างจากโลกมากที่สุดในรอบปี จึงเป็นเหตุให้ในวันนี้มีกลางคืนที่ยาวนานมากที่สุด มากกว่าวันไหนๆ โดยชาวโรมันเรียกวันนี้ว่า "วันบรูมา" แต่เพราะระบบปฏิทินการนับวันเมื่อหลายพันปีก่อนไม่ได้ไปทางเดียวกันกับระบบการนับวันของทุกวันนี้ ทำให้ชาวโรมันบันทึกว่าวันที่มีกลางคืนยาวนานที่สุด คือ วันที่ 25 ธันวาคมซะอย่างนั้น ซึ่งก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประวัติศาสตร์จะมีการบันทึกผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
ระยะเวลาเดินทางต่อมาอีก 300 ปี ทุกวันที่ 25 ธันวาคม ก็ได้กลายเป็นวันเฉลิมฉลองของเหล่าผู้บูชาพระอาทิตย์ที่อาศัยอยู่ในกรุงโรม ก่อนที่ประชาชนส่วนใหญ่จะหันมานับถือศาสตร์คริสต์เพิ่มมากขึ้นในอีก 100 ปีต่อมา กลายเป็นว่าการบูชาพระอาทิตย์เริ่มได้รับความนิยมน้อยลงไปจากเดิม ทำให้ในวันนี้ที่กลางคืนยาวนานที่สุดและเป็นวันบูชาในอดีตถูกแทนที่ด้วยวันสำคัญทางคริสต์ศาสนา อย่าง วันประสูติของพระซู
แต่เรื่องราวความสับสนนี้ก็ยังไม่จบสิ้น เมื่อการนับวันคริสต์มาสในอดีตได้ปรากฏให้เราเห็นจนมาถึงตอนนี้ว่า กลุ่มชาวคริสต์ นิกายออโธด็อกซ์ ที่อยู่ในแถบยุโรปตะวันออกและรัสเซียเดิม ได้นับว่าวันที่ 7 มกราคมเป็นวันประสูติของพระเยซู และยังนับว่าวันที่ 7 มกราคมนี้เป็นวันคริสต์มาสจนมาถึงปัจจุบัน หรือแม้แต่กลุ่มชาวคริสต์ที่อยู่ไกลออกไปทางฝั่งตะวันออกของกรุงโรม ยังเคยนับว่าวันที่ 6 มกราคม เป็นวันประสูติของพระเยซู จนมาเจอเข้ากับการนับวันคริสต์มาสในแบบโรมในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 เลยได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นวันที่ 25 ธันวาคม
น่าจะมีคำถามเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ เกี่ยวกับคาแรคเตอร์สำคัญที่อยู่คู่กับวันคริสต์มาสมาตั้งแต่ไหนแต่ไร อย่าง คุณลุงซานต้า หรือ ซานตาคลอส และเหล่ากวางเรนเดียร์คู่ใจ ที่ประวัติศาสตร์ได้เล่าไว้ว่า นักบุญนิโคลัส แห่งเมืองไมรา เป็นซานตาคลอสคนแรกของโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาสามารถเดินทางไปรอบโลกได้ยังไง ทุกวันนี้ยังจำเป็นต้องเดินทางไปไหนต่อไหนในศตวรรษที่ 21 ด้วยกวางเรนเดียร์อยู่หรอ แล้วคุณลุงซานต้าจะได้รู้ได้ยังไงว่าเด็กคนไหนดื้อ เด็กคนไหนดี เด็กคนไหนที่สมควรจะได้รับของขวัญ นี่ยังเป็นสิ่งที่ต้องหาคำตอบกันจนน่าจะไม่มีใครอยากรู้ในข้อนี้ซะแล้ว
นักเขียนนวนิยายไซไฟที่มีชื่อว่า อาร์เธอร์ ซี คลาร์ค ได้เคยพูดเอาไว้ว่า "เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยก็ไม่ต่างอะไรจากเวทย์มนต์" จึงอนุมานได้ว่าภารกิจของซานต้าในอดีตอาจถูกขับเคลื่อนด้วยเวทย์ ถ้าเป็นภารกิจของซานต้าในปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้นการขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล้ำๆ ทำให้เดินทางไปมอบความสุขและของขวัญสุดพิเศษให้กับเด็กๆ ได้
จากหนังสือที่มีชื่อว่า THE TRUTH ABOUT SANTA หรือชื่อภาษาไทย คือ รู้ทันซานต้า เขียนโดย เกรกอรี่ โมน ได้อธิบายตำนานต่างๆ ของซานตาคลอสไว้ด้วยหลักการของวิทยาศาสตร์ไว้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางของซานต้ากับการวาร์ป หรือการตรวจจับเด็กว่าใครเป็นเด็กดี ใครเป็นเด็กดื้อจากกล้องและคอมพิวเตอร์ ดูเป็นอะไรที่ล้ำมาก อยากยกตัวอย่างข้อความจากหนังสือเล่มนี้ให้ได้อ่านกันสักหน่อย
"เมื่อเลื่อนของซานต้าทะยานออก เครื่องวาร์ปจะสร้างช่องคล้าย ๆ ปากทางเข้าของรูหนอนขึ้นในอากาศ
กวางเรนเดียร์จะดึงซานต้าและเลื่อนทะลุเข้าไปในลูกโป่งกาลอวกาศ และไปโผล่ที่ทางออก
คล้าย ๆ ทางออกของรูหนอนที่อยู่บนท้องฟ้าในอีกทีหนึ่ง"
รู้ทันซานต้า
"โชคดีที่ซานต้ามีซอฟต์แวร์สำหรับช่วยวิเคราะห์ภาพและจับเฉพาะไฮไลต์จากวิดีโอเหล่านี้ได้
ซึ่งมันช่วยให้การทำงานวุ่นวายน้อยลงมากทีเดียว คอมพิวเตอร์และกล้องจะทำงานแทนคนทั้งหมด
จะวิเคราะห์ภาพแต่ละช็อตจากวิดีโอและจำแนกคนแต่ละคน"
รู้ทันซานต้า
เอาล่ะ ! นี่ก็เป็นเรื่องราวของ วันคริสต์มาส คุณลุงซานต้าและเหล่ากวางเรนเดียร์ ในมุมมองที่ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่เราเคยได้รู้ แต่ไม่ว่าจะเลือกเชื่อแบบไหน ก็ขอให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงๆ หากสนใจและได้อ่านตำนานแล้วเกิดอยากรู้ ก็อย่าลืมหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยจะเป็นการเพิ่มความรู้ให้กับตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงยังไงในอดีตที่ผ่านมา วันสำคัญทางศาสนาคริสต์นี้ก็มีความสำคัญเที่ยวเท่ากับดวงอาทิตย์ และเชื่อว่าคุณลุงซานต้าก็ยังคงใจดี มีเสียงหัวเราะดัง โฮ่โฮ่ ตามแจกของขวัญให้กับเด็กๆ ทั่วโลกได้อย่างที่เป็นมาไม่หายไป
