23 ปี ของ 'มิกกี้ วรภลย์' กับเรื่องราวความสัมพันธ์ ฉบับรักไม่จำกัดเพศ

Talkative

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

ถึงแม้ว่าจะผ่านเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศ หรือ PRIDE MONTH ไปได้สักพักแล้ว แต่เราเชื่อว่ายังมีผู้คนอีกมากอยากที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาเหล่าเพศทางเลือก และนี่คือเรื่องใกล้ตัวจากคนใกล้ตัวที่อยากจะมาแชร์ให้ได้อ่านกัน กับเรื่องราวในวัย 23 ปี ของ 'มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ' มนุษย์ผู้ซึ่งมีชีวิตที่ผ่านเรื่องราวมาอย่างมากมาย หลากหลาย จนวันนี้น้องๆ หลายคนเรียกเขาว่า 'แม่' และนี่คือเรื่องราวที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน จะได้มาพูดคุยเปิดใจกันที่นี่เป็นที่แรก กับเรื่องราวชีวิตครอบครัว สังคม และความสัมพันธ์ กว่าจะมาเป็น 'มิกกี้' ได้ทุกวันนี้ กับคำถามยอดฮิตที่หลายคนต้องไม่พลาด

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

แนะนำตัวกันหน่อย

สวัสดีครับ ชื่อ 'วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ' ชื่อเล่นว่า 'มิกกี้' จะบอกว่ามิกกี้บางคนจะคิดว่าจริงๆ ชื่อ 'มิก' แต่พอมึงเป็นตุ๊ด เป็นกะเทยมึงต้องเติม 'กี้' มา จะบอกไว้เลยนะจ๊ะ ว่าชื่อ มิกกี้ มาตั้งแต่เกิด พ่อตั้งให้ มีน้องชื่อ 'ลีโอ' เป็นครอบครัวที่ชื่อจะต้องมี 2 พยางค์ ก็เลยชื่อมิกกี้มาตั้งแต่เกิดเพราะว่าเกิดปีหนู

ชีวิตตอนนี้เลือกเป็นอะไร

ตอนนี้คือที่เลือกเลยใช่ไหม แน่นอนเลยก็คือเป็น 'เกย์' เนี่ยแหละ บางคนอย่างนี้ชอบตีตราว่า มึงอีตุ๊ด หนูจ๊ะ .. กะเทย ทอม ดี้ เนี่ยแยกกันนะจ๊ะ

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ได้ลองเอาตัวเองไปเป็นอะไรหลายๆ อย่าง คิดว่าตัวเองได้เรียนรู้อะไรบ้าง

เทิร์นตัวเองมาก็หลายอย่าง ก็เหมือนกับบางกลุ่มเขาก็บอกกับตัวเองว่า หนูเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็ร้องกรี๊ดมาตั้งแต่เกิด แต่นี่ไม่ใช่ .. จะบอกว่าเรารู้ตัวเองมาตั้งแต่เด็กแล้วนะ แต่มันก็ด้วยสังคมที่เราอยู่อย่างนี้ ด้วยสภาพแวดล้อมทางครอบครัวของเราอย่างนี้ มันก็ค่อนข้างจำกัด แล้วเราก็ไม่สามารถที่จะ Open ได้ แล้วที่สำคัญคือความเป็นพี่คนโต จริงๆ แล้วมิกกี้มีน้อง มีน้อง 3 คน ความที่เป็นลูกคนโต แล้วเป็นลูกคนจีนอย่างแท้ๆ เลย มันก็จะมีความคาดหวังว่า "ลื้อจะต้องมีเมียนะ มีลูก มีสืบสกุล" โอเค เราก็ทำหน้าที่ใน ณ ตรงนั้นไม่เคยบกพร่อง

ก็เหมือนกันกับที่มิกกี้จะเล่าว่า มิกกี้ก็เคยผ่านการคบผู้หญิงมาก่อน ซึ่งถามว่าการคบผู้หญิงของมิกกี้ หน้าที่ก็ไม่เคยบกพร่อง เราก็เป็นผู้ชายแบบปกติเลยคือ ดูแลปกป้องเขาไปตามหน้าที่ของเราที่เราเป็นไม่เคยขาด จนพอเราได้โตขึ้นช่วงเข้ามหา'ลัย ทุกๆ คนจะต้องรู้ตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าใช่ พอเราเข้าไปอยู่ในสังคมมหา'ลัยอย่างนี้ มันเปิดกว้างมากขึ้น สิ่งที่เราไม่เคยทำเราก็ได้ทำ เช่น เราได้เซ็ตผม เราได้แต่งหน้าไปเรียนเบาๆ แบบดาราเกาหลีอย่างนี้ จนเราถลำลึก เกิดเป็นคำถาม "เราชอบการแต่งหน้าจริงรึเปล่านะ ?" เราก็ลองไปลองมาจนค้นพบตัวเองว่านี่แหละมันคือ 'เรา'

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

พอเริ่มผ่านช่วงมหา'ลัยไปอย่างนี้ ปี 1 ปี 2 ปี 3 เราเริ่มหนักมากๆ ขึ้น เราเริ่มลองผิดลองถูก คำว่าลองผิดลองถูกของเรานี่มันไม่ใช่ว่าอยากจะลองนะ จะใช้คำว่าลองก็ไม่ได้ มันเป็นไปเองตามอัตโนมัติ ความคิดเราค่อยๆ มากขึ้น เช่น จากที่เราเคยทาครีมไปมหา'ลัย แล้วเรามีสิว เราลองปรึกษาเพื่อน ลองเอารองพื้นมาปิดซิ มันหนักขึ้นๆ จนเราเกือบจะแต่งหญิง เคยคิดที่จะทำนม แต่มันก็มีสิ่งผลักดันอื่นๆ ที่ทำให้เราคิดแบบนั้นอีก มันก็ไม่ใช่แค่ตัวเราอย่างนี้ นั่นคือความรัก

แต่พอมาท้ายที่สุดเราก็เริ่มกลับมารู้ตัวเอง เราเริ่มดึงตัวเองกลับมา มันเหมือนใน MV เลย พอเราเริ่มพีคที่สุดในชีวิตอย่างนี้ แบบตอนที่คิดว่าจะทำนมแล้ว เรามองตัวเองในกระจก แล้วคิดว่านี่เราทำอะไรกับตัวเองไป แล้วเราก็ทวนคำถามกับตัวเองว่า นี่คือสิ่งที่เราชอบอยู่จริงๆ หรอ แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อยๆ ลองทำในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ ซิ เชื่อไหม สิ่งแรกที่เราเริ่มทำเลยก็คือ เอานมออกไป เพราะในช่วงที่เราลองผิดลองถูกอยู่นั้นเราก็กินยาคุม เริ่มมีฐานนมออกมา ก็ค่อยๆ คลีนตัวเองอย่างนี้

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

สรุปแล้วเรากลับมามีความสุขขึ้น สงสัยว่านี่คือสิ่งที่เราชอบจริงๆ แล้วเราก็ค่อยๆ ทำมาจนมาเป็นสภาพในตอนนี้ จริงๆ เราเริ่มมาค้นพบว่าเรื่องสภาพร่างกายเราไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง แต่เราแค่มีความสุขกับการที่เรามีจริตแบบนี้ เราเป็นคนที่มีจริตจะก้านในการพูดเยอะกว่าผู้ชายทั่วไป นี่คือความสุขของเรา ซึ่งตอนแรกเราคิดย้อนกลับไป สังคมเขาบอกว่าถ้าเราเป็นอย่างนี้ นั่นแหละคือ ตุ๊ด กะเทย และเราก็สร้างภาพต่อไปว่าตุ๊ดกะเทยต้องมีนม เราถึงเลือกแบบนั้น เอาตรงๆ นะ ถ้าให้เราย้อนกลับไปจะใช้คำว่าลองผิดลองถูกไม่ได้ จำกัดความว่า 'ยุคสมัยและการเติบโต' ดีกว่า เป็นวัยของมัน ก็เหมือนกับ 'ตุ๊ดเด็ก' หัวโปก กะโหลกไขว้ อยากแต่งหน้าสวยๆ แต่พอเราโตขึ้น มันจะมีคำพูดหนึ่งเลยว่า "กูทำไปได้ยังไง" พอยต์ง่ายๆ เลยมันคือ 'การเรียนรู้'

สังคม มีผลต่อตัวเรายังไงบ้าง

คือจะบอกว่า อันนี้มันก็แบบพูดเหมือนเยินยอตัวเอง ยอมรับในข้อหนึ่งเลยว่าตัวเราเองก็เข้าไปในสังคมที่หลากหลายมากจริงๆ แต่ตอนนี้เราก็อยู่ในสังคมอีกสังคมหนึ่ง เพราะเราโตขึ้นมากอีกก้าวหนึ่ง แต่ละสังคมก็จะมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไปอย่างมากๆ เลยนะ อย่างที่เจอมาก็มี หนึ่ง สังคมเที่ยว สอง สังคมทำงาน สาม สังคมที่เราใช้ชีวิตประจำวัน ถามว่าแล้วสังคมเพื่อนล่ะ ? สังคมเพื่อนก็อยู่ในสามสังคมที่มิกกี้พูดไปในตอนแรกนั่นแหละ เพราะแต่ละสังคม สังคมเพื่อนแตกต่างกันไปเลยนะ เช่นสังคมเพื่อนตอนที่มิกกี้ไปอยู่ คือ 'สังคมเพื่อนเที่ยว' ไม่มีมิตรแท้ น้อยมากที่จะเจอมิตรแท้ ถ้าคิดว่าเรามีเงิน สังคมเที่ยวกับคนที่มีเงินมันจะเป็นอะไรที่ว้าวมาก

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

นิสัยชอบ 'เปย์' คือจุดเด่นของเพศทางเลือกรึเปล่า

ทำไมเขาบอกว่า กะเทย คือ 'สายเปย์' จริงๆ จะบอกว่าเพศทางเลือกเขาก็ไม่ได้ว่าอยากเปย์หรอก แต่เขารู้ว่าความที่ไม่มีความสุข ความไม่มีมิตรแท้มันเป็นยังไง เขารู้ สำหรับสิ่งที่เขาเสียไป สำหรับตัวมิกกี้นะ มิกกี้ซื้อความสุขด้วยเงิน ทำไมเราถึงยอมเสีย ยอมทุ่ม นั่นคือ 'เราซื้อความสุข' แต่มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนอีกว่า ถ้าเรารู้แล้วว่าซื้อไปแล้วมันไม่ดี คุณจะยังซื้ออยู่ไหม คุณจะยังทำอีกไหม มิกกี้ผ่านอะไรมาหลากหลายเรื่องมากๆ ผ่านเรื่องที่เลวร้ายที่สุด ผ่านเรื่องโน่น นี่ นั่นอย่างนี้ มันขึ้นอยู่ที่ว่าคุณเลือกที่จะถอยออกมารึเปล่า แต่อย่างที่บอกแหละ ปัจจัยหลักเลยในของของสังคมรอบข้าง คือ 'สังคมเพื่อน' ถ้าอย่างที่เห็นอย่างนี้ ถ้าคุณมีสังคมที่ดี ชีวิตคุณก้าวไกลแน่นอน

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

ทำไม 'ครอบครัว' ถือเป็นความโชคดีของเรา

มิกกี้เป็นอีกหนึ่งคนที่ถือว่าโชคดีที่ได้อยู่ในครอบครัวที่เขาโอเคที่เราเป็นแบบนี้ มิกกี้เคยเล่าให้กับเด็กๆ ในกลุ่มของเราฟังประจำว่า ครั้งแรกที่เรารู้ว่าเขาโอเคกับเรา มิกกี้บอกเสมอว่าตอนนั้นเรารู้ว่าเราเป็นอะไร แต่เราก็ยังแอบๆ อย่างนี้อยู่ ในช่วงมัธยม เรากแอ๊บว่าเรารักศิลปะ เราชอบวาดเขียนโดยสีโปสเตอร์ แต่อันนี้ห้ามทำตามนะ เรามีอุปกรณ์ที่เป็นเครื่องสำอางแท้ คือ อายไลน์เนอร์ของแม่ ที่แม่เขาไม่ใช้แล้วให้น้องสาวมา แต่เราก็แอบหยิบของน้องสาวมาแล้วไม่บอก น้องสาวก็หาไม่เจอ

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

จนวันหนึ่ง มิกกี้แอบอยู่ชั้น 3 บ้านมิกกี้มี 3 ชั้น กำลังแต่งหน้าเป็นนางโชว์ ใช้อายไลน์เนอร์ ทาสีตาด้วยสีโปสเตอร์ แต่หลอกตัวเองว่า บอดี้เพ้นท์ที่พัทยาเขาก็ใช้สีในการทาร่างกาย กับแค่สีโปสเตอร์ลงหน้าตามันคงไม่เป็นอันตรายหรอก เราก็แต่งหน้า ณ วันนั้นจำได้เลยว่าเรามีสีทอง แต่งครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิงธรรมดา อีกครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิงที่มีสีทองทั้งหน้า แต่ตอนนั้นต้องบอกเลยว่ามิกกี้ผิดพลาดเองที่ไม่ดูต้นทางให้ดี เสร็จแล้วเปิดโทรศัพท์และลิปซิงก์ แม่เดินขึ้นมา แล้วเราก็พูดกับแม่ว่า "อ๋อ ซ้อมงานวิชาการที่โรงเรียนแม่ เพราะมันจะต้องมีการแต่งหน้า และเล่นที่โรงเรียนกัน" แม่ของมิกกี้ก็ทำเพียงแค่ "หึ" แล้วเดินลงไปข้างล่างเลย ไปบอกกับพ่อ พอมาวันรุ่งขึ้น คือ วันอาทิตย์ มิกกี้ลงไปกินข้าวข้างล่าง สิ่งแรกที่ป๊าพูดกับมิกกี้เลย คือ "ถ้าจะซื้อเครื่องสำอางอ่ะ บอก เดี๋ยวพาไปซื้อ ของดีๆ เดี๋ยวหน้าเป็นอะไรขึ้นมา" มันปลดทุกอย่างเลยจริงๆ เพราะมันคือคำจากพ่อ

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

แต่หลังจากนั้นอะเชื่อป่ะ ไม่มีการมานั่งคุยว่า "ลูก พ่อรับได้นะ ว่าลูกเป็นอะไร" ไม่มีการพูดคำนั้น มีแต่เขาจะสนับสนุนในสิ่งที่เราอยากได้ จนเครื่องสำอาง หรือว่าแปรงต่างๆ ในทุกวันนี้ก็มีทั้งครอบครัวที่สนับสนุน แล้วก็หลอกบริษัทซื้อ (อิอิ) ถามว่านี่เข้าใจไหม เข้าใจกับบางคนไหมเวลาที่ครอบครัวเขายอมรับไม่ได้ เวลาจะมีความรักทั้งทีอย่างนี้ มันเป็นเรื่องใหญ่นะ อันนี้คือเรื่องจริง

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

อยากให้แชร์เรื่องราวหน่อย เวลาน้องๆ มาปรึกษาปัญหาหัวใจ

มีอยู่ 2 เรื่องจะแชร์ให้ฟัง เรื่องแรกเนี่ยมันไม่ใช่น้องมาปรึกษา เรื่องมันเพิ่งเกิดเลย เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของการปกป้องมากกว่า ในการกองถ่ายของเราอยู่หนึ่งโปรเจกต์ ก็มีน้องอยู่คนหนึ่งซึ่งเป็นนักแสดง เรารู้ว่าน้องเขาเป็น แต่ก็มีน้องอีกคนหนึ่งที่ชอบไปถามว่า "นี่เป็นป่ะเนี่ย" เชื่อรึเปล่าว่าเราเคยผ่านจุดนี้มาก่อน เราทำได้แค่สนับสนุนน้องคนนั้นที่เป็น ถึงแม้ว่าน้องเขาอาจจะไม่ได้บอกว่า "พี่ครับ ผมเป็นครับ" แต่เราก็รู้ว่าน้องเขาจะรู้สึกยังไง ซึ่งมันก็จริง ทำไมเราถึงรู้ว่ามันจริง ในท้ายที่สุดแล้วพอเราจบโปรเจกต์ไป ระยะเวลามันก็ห่างกันไปหลายเดือน เกือบครึ่งปี น้องเขาก็เปิดตัวสักที นั่นคือเรื่องแรก

ส่วนเรื่องที่สอง มิกกี้ก็ทำงานโปรเจกต์หนึ่งเหมือนกัน มีน้องคนหนึ่งเขาก็มีปัญหาในเรื่องของความรักเนี่ยแหละ ตอนแรกมิกกี้ไม่รู้เรื่อง แต่ผู้จัดการของมิกกี้รู้เรื่องแทน เด็กคนนี้เขามีปัญหา คือเขายังค้นพบตัวเองไม่ได้สักทีหนึ่ง จริงๆ เขาอาจจะค้นพบได้ เราทำได้เพียงแต่พูด พูดในสิ่งที่รู้สึก เขาเข้ามาโดยการปรึกษาว่า ถ้าเกิดจะชอบคนๆ หนึ่งแล้วจะยังไง หรู้สึกดีกับคนๆ หนึ่งแล้วจะยังไง เชื่อไหม มันไม่มีใครมาโจ้งๆ หรอกนะ "ผมชอบผู้ชายครับ !" ในความเป็นเราที่ผ่านอะไรมาเยอะแยะ เรารู้ดีว่ามันคืออะไร เราก็เลยเค้นถามไปเรื่อยๆ คนเรามันโกหกใครก็ได้ แต่การโกหกตัวเองเป็นอะไรที่ทรมานที่สุด จนน้องเขาต้องเอ่ยปากออกมาว่า คนที่รู้สึกดีด้วยก็คือ 'ผู้ชาย'

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

ถามว่าเวลาให้คำปรึกษากับเด็กพวกนี้ไปไม่คำมีคำว่า "มึงเป็นแน่ๆ" เรามีแต่จะบอกว่า "คิดดีๆ นะถ้าจะเป็น" แปลกไหม ? ปกติจะมีแต่หาพวกว่าให้เป็นเลย ดี แต่จริงๆ แล้วการเป็นแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่มีความสุข ทุกคนอาจจะคิดว่า เราเป็นแบบนี้เราแฮปปี้ เรามีความสามารถ แต่ความสุขพวกนี้มันก็ต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างที่มันเจ็บปวดที่สุด

เราก็ตอบเขาไปว่า "ทุกอย่างมันก็อยู่ที่ตัวเธอ เพราะเธอรู้สึก ฉันไม่ได้รู้สึกกับเธอ" แต่ถ้าฟังเธอเล่าแล้ว แล้วถามว่า "พี่คิดว่าผมจะเป็นไหม ?" ถ้าให้พี่บอก แล้วเราจะเป็นไหมหล่ะ ? เข้าใจใช่ไหม ถ้าพี่บอกว่า "เออมึงเป็น" แล้วเราจะเป็นไหมหล่ะ ? แล้วถ้าพี่บอกว่า "เออมึงไม่เป็น" แล้ววันหนึ่งกลับเป็นจะทำยังไง เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่ตัวคุณเอง ไม่มีใครมาบังคับให้คุณเป็นได้ มันอยู่ที่ความชอบ อะไรหลายๆ อย่าง สังคมและการใช้ชีวิต

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

ความรักของเพศที่สาม มักไม่ยั่งยืน จริงรึเปล่า

ทุกคนอาจจะเคยได้ยินว่าความรักของเพศที่สามไม่ค่อยยั่งยืน หลายคนอาจจำกัดความว่าถ้าเป็นแบบนี้จะต้องคบด้วยกันเอง สังคมสมัยนี้ชายแท้เขาชอบเพศที่สามเหมือนกันนะ รู้ไหมทำไม หนึ่ง เราเป็นผู้ชายเหมือนกัน เพราะเราเข้าใจกัน ไม่แปลกใจว่าทำไมโลกสมัยนี้ผู้ชายแท้ถึงจะมาเป็นเก้งกวางเยอะมาก คบกับผู้ชายกันเอง เรื่องเพศสัมพันธ์กับชายๆ ตัดไปได้เลย นั่นคือปัจจัยที่สอง แต่ปัจจัยแรกเราเป็นผู้ชายเหมือนกันเราย่อมรู้ว่าเราต้องการอะไร แล้วเขาต้องการอะไร สเปซของเรา สเปซของเขา เรารู้ความต้องการของเราทั้งสองแค่นี้เอง

ไม่ได้บอกว่าชายหญิงไม่ดีนะ ชายหญิงคือดีที่สุด เพราะมันเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว แต่บางครั้งสังคม ณ ตอนนี้ ผู้หญิงบางกลุ่มเรียกร้องมากกว่าสิ่งที่ผู้ชายจะให้ได้ ไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนบนโลกนะ แค่บางกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นเอง หรืออาจจะมีเรื่องราวอื่นๆ ที่เราไม่รู้ แต่มันก็มีข้อได้ข้อเสีย ผู้หญิงให้ได้แบบนี้ แต่ผู้ชายกันเองให้ได้ แต่ให้ไม่ได้กับผู้หญิงแบบนี้ แน่นอน เพศแบบเราให้ลูกคุณไม่ได้

ความสัมพันธ์ที่หลากหลาย เรื่องไหนที่จำ เรื่องไหนทำให้เจ็บปวด

ตุ๊ด เกย์ ทุกอย่างที่มิกกี้เจอมาอย่างนี้ แค่คำเดียวเลย 'ไม่รู้จักพอ' มิกกี่เป็นคนหนึ่งที่ศรัทธาในความรักมาก เพราะเราก็อยากที่จะมีความรักที่มันยืดยาว แต่ใครล่ะจะมาอินแบบเรา จริงหรือเปล่า เราก็ต้องอยู่ด้วยความที่เข้าใจว่าเราอยู่ในเพศที่หลากหลาย บางเรื่องราวอย่างนี้มันจุกจนพูดไม่ออกอะ หลายคนอย่างนี้ถ้ามีปัญหาเรื่องของความรัก ความรักแบบมือที่สามแค่สิ่งเดียวเลยนั่นคือ ไม่ว่าคุณจะดีแค่ไหน คุณจะหล่อปานเทพบุตรแค่ไหน หรือคุณจะอะไรก็แล้วแต่ เสียอยู่แค่เรื่องเดียวเลย คือ ความไม่พอของคุณ จริงๆ ความไม่พอมันมีทั้งเรื่องดีและเรื่องเสียนะ ไม่พอในเรื่องของงาน ไม่พอในเรื่องของเงิน

ถ้าถามว่าความรักครั้งไหนที่มันทำให้มิกกี้เจ็บที่สุด ก็เป็นเรื่องนั้นแหละ

อันนี้ขอเติมเอง ว่าเจ็บที่สุด ดีที่สุด จำที่สุด ประทับใจที่สุด คงน่าจะเป็นรักครั้งแรก ย้อนกลับไปเมื่อตอนในช่วงที่อยู่มัธยม เรารู้สึกว่ารัก แต่เขารู้สึกว่ารักกับเรารึเปล่าอันนี้เราไม่รู้ แต่เรารู้แค่ว่าอย่างนี้แหละมันคือรักจริงๆ สำหรับเรา ทำไมมันถึงเจ็บที่สุด เพราะว่าในช่วงนั้นมันก็ดีมาก แน่นอนเราไม่เคยคบกับผู้ชายและเราก็คบกับผู้หญิงอยู่ แต่มีคนๆ นี้เข้ามา ไม่ได้ใช้คำว่าแฟน เขาเหมือนกับเป็นน้องเทค ขยับขึ้นมาเป็นบัดดี้ จนกลายเป็นคำว่าดูโอ้ คือมันสนิทกันมาก เราใช้เวลา 2 ปี ในความที่เรารู้จักกัน และสนิทสนมกัน เวลาผ่านมา 3 ปี ที่เรารู้จักกับเด็กคนนี้ เขาเริ่มมีปฏิกิริยาที่ดีขึ้น ที่ทำให้เรารู้สึกว่า 'ไฟช็อต'

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

พอเวลาผ่านไป เราก็โตขึ้น ตอนนั้นเราอยู่ ม.5 แล้วน้องเขาอยู่ ม.3 เรามีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน จะบอกว่าน้องเขาเป็นคนหนึ่งที่หล่อมากเลยนะ เรียกว่าหนุ่มป๊อบในโรงเรียนเลยแหละ ตอนนั้นเรารู้ตัวเองเป็นตุ๊ดต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เราคือคนเบื้องล่างที่ไม่มีใครเขามาสนใจหรอก แต่มีเด็กคนนี้ที่คอยมาคลุกคลี มาสนับสนุนเรา แล้วไปไหนไปกัน จนคนเขาบอกว่าจริงๆ พวกมึงสองคนหน้าตาคล้ายๆ กันนะ

พอเราได้ผ่านอะไรมาด้วยกัน ความสัมพันธ์มันก็มากขึ้น จากน้องคนนี้คอยให้คำปรึกษา เริ่มมาจับมือเรา มันเป็นการจับมือครั้งแรกกับผู้ชาย ทั้งๆ ที่เราเคยมีแฟนนะ เราเคยจับมือกับแฟนเรา แต่ทำไมความรู้สึกเราไม่เหมือนกันอย่างนี้ จากจับมือเป็นการกอดกัน เราก็เคยกอดกับแฟนผู้หญิงนะ แต่ทำไมกับเด็กคนนี้ที่ไม่ได้ใช้คำว่าแฟน แต่เรารู้สึกว่ามันอบอุ่นกว่าคำว่าแฟน จากกอดกันกลายเป็นหอมแก้ม จากหอมแก้มกลายเป็นจูบแรก เห้ย .. เราไม่เคยจูบกับผู้หญิงมาเลย แต่คนนี้คือคนแรก แล้วทำไมเราให้เขา จากจูบแรกกลายเป็นมีอะไรกันครั้งแรก ที่เราก็ไม่เคยมีอะไรกันกับใครและเขาก็ไม่เคยมีอะไรกับใคร มันทำให้เรารู้สึกดีอะ

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

แต่ถามว่าตอนที่มีอะไรกันความสัมพันธ์ของเราก็แค่ 'พี่น้อง' ซึ่งเราก็รู้วันนั้นเพราะ เขาก็มีแฟน เราก็มีแฟนที่เป็นผู้หญิง เวลาเขาจะคบกับใครเขาก็มาปรึกษาเรา พี่ คนนั้นดีไหม คนนี้ดีไหม แต่มันก็เริ่มมีความรู้สึกที่ว่า 'กูเจ็บ' แต่เราก็ไม่สามารถที่ไปบอกว่า "อย่านะ อย่าไปมีแฟนนะ" ไม่ ก็ให้คำปรึกษาดีๆ กับเขาไป จนพอเราอยู่ ม.6 จะเข้า ปี 1 เราก็เริ่มห่างๆ หายๆ ไป จนวันที่เราเข้าปี 1 ไปแล้ว เรากลับมาที่โรงเรียนเก่าของเรา มาเจอเขา ก็คิดแล้วว่าถึงเวลาแล้วล่ะที่จะบอกความรู้สึกกับเขาไป พอเราบอกเสร็จ ก็ได้คำตอบว่า "ขอโทษนะพี่ ผมว่าเป็นพี่น้องกันดีที่สุด .. แต่ถ้าพี่บอกผมเร็วกว่านี้อีกสัก 1 อาทิตย์ ผมคิดว่าพี่อาจจะมีสิทธิ์"

แต่พอในท้ายที่สุด เราก็สั่งสมความเจ็บปวดมานานมาก เพราะทุกอย่างมันคือเขาทั้งหมดเลย ครั้งแรกของเรามันคือเขาหมดเลย เราก็เจ็บปวดมากเกือบ 5 ปี จมอยู่แต่กับคนๆ นี้ในใจ แล้วมันก็ค่อยๆ ออกมาเรื่อยๆ ระเบิดจนกลายเป็นผลงานหนึ่งผลงานของเรา สุดท้ายเราก็ได้รู้ความจริงว่า ตอนนั้นเขาก็ยังเด็ก เราก็ยังเด็ก วัยอยากรู้อยากลอง ถามว่าเรารับความจริงได้ไหมตอนแรก ก็รับไม่ได้หรอก เนี่ยแหละก็เป็นที่มาของความรักที่เจ็บปวดที่สุด

ความรู้สึกเป็นยังไง เมื่อเอาเรื่องจริงมาทำละครเวที

เอาตรงๆ เลยนะ เราเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิมอีก อันนี้คือเรื่องจริง เพราะว่าทำไมรู้รึเปล่า เราควรจะลืมมันไปได้แล้ว แต่เราต้องกลับมานั่งเห็นมันอีก แต่มันก็มีข้อดี เพราะมันทำให้เราก้าวเดินต่อไปได้ เราเลือกที่จะไม่กลับไปจม แต่ถ้าสมมติเราเลือกที่จะเดินหน้าแล้วเราเจอกับคนที่ไม่ดีอีกอะ .. ทุกอย่างมันสอนเราให้เราเดินต่อ คนเราล้มได้ก็ลุกได้ ไม่ว่าจะลุกได้ด้วยคนอื่น หรือลุกได้ด้วยอะไรก็แล้วแต่ หรือมีคนช่วยพยุง

ดีที่สุด คือ เราควรจะลุกได้ด้วยตัวเอง

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

ฝากอะไรถึงผู้อ่านสักหน่อย

ถึงแม้ว่าเราจะตลก เราจะสร้างผลงานดีๆ ออกมาให้คุณผู้ชมได้ดูกัน หรือจะทำอะไรที่ไม่ดีก็แล้วแต่ เคยได้ยินไหมว่า "พวกเพศที่สามมันถูกสาป" คือได้อย่างต้องเสียอย่าง เราทำงานเก่ง แต่มันก็ต้องเสียอย่าง นั่นอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเรื่องความรักก็ได้ เพราะอย่างบางคนความรักในเพศที่สามก็ยั่งยืนเหมือนกัน แต่ก็มีเหมือนกันบางคู่ แต่อยากจะบอกคุณผู้อ่านไว้ว่า ถ้าเกิดว่าเปิดใจ แล้วเข้าใจในสิ่งที่พวกเราเป็น คุณผู้อ่านจะเห็นอะไรที่มันสวยงามมากๆ กว่าการที่ 'เห็นว่าเราเป็นคนตลก' แน่นอน

มิกกี้ วรลภย์ พิทยุทัยวรรณ

สัมภาษณ์ ศุภกฤต โพธิ์วรสุนทร , เรียบเรียง วีรศักดิ์ พันพยัคฆ์ 

MORE READ
COMMENT