ย้อนกลับไปเมื่อปี 1834 เด็กชาย 'หลุยส์ วิตตอง' วัย 13 ปี ได้ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านในเมืองเล็กๆ อย่าง Anchay ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงปารีสด้วยการเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 470 กิโลเมตร พร้อมกับความหวังที่ว่าชีวิตในอนาคตของตัวเองจะต้องดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เขาเริ่มทำงานแรกที่ช็อปของนักทำกล่องใส่สัมภาระชื่อดัง อย่าง 'Monsieur Marechal' ต่อจากนั้นไม่นาน หลุยส์ก็เริ่มมีชื่อเสียงอย่างกว้างขวางในสายงานที่ทำ ก่อนจะถูกว่าจ้างให้ทำกระเป๋าใส่สัมภาระเดินทางให้กับ 'จักรพรรดินียูจิเน เดอ มงติโย' พระมเหสีของ 'จักรพรรดินโปเลียนที่ 3' แห่งฝรั่งเศสในปี 1853 นี่จึงเป็นก้าวแรกที่เสมือนใบเบิกทางให้บรรดาชนชั้นสูงได้เห็นฝีมือและผลงานของหลุยส์มากยิ่งขึ้น
วันเวลาผ่านไป ชื่อของเด็กชายตัวเล็กๆ ถูกรู้จักแผ่ขยายไปยังทุกสารทิศทั่วโลกในนามของผู้ให้กำเนิด 'Louis Vuitton' แบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแบรนด์หนึ่งในประวัติศาสตร์ จุดเด่นของการสร้างสรรค์ผลงานอยู่ที่ฝีมือการผลิตสุดประณีต บรรจง ผสมผสานกับลวดของกระเป๋าที่ทันสมัย ส่งผลให้ลูกค้าชนชั้นนำจำนวนไม่น้อยมีความฝันว่าจะต้องมีสินค้าหลุยส์เอาไว้ครอบครอง อีกทั้ง หลุยส์ยังเป็นคนที่มีหัวในการออกแบบล้ำสมัยและแปลกใหม่อยู่เสมอ ดังจะเห็นได้จากสินค้าที่วางจำหน่ายอยู่ในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ผ้าใบแทนหนังสัตว์สำหรับการผลิตกระเป๋า นั่นก็เพื่อเพิ่มความทนทานและมีคุณสมบัติกันน้ำด้วยนั่นเอง
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นประดิษฐกรรมเปลี่ยนโลก นั่นก็คือ การออกแบบกระเป๋าเดินทางทรงสี่เหลี่มมุมฉาก ซึ่งในสมัยนั้นนับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ จากเดิมนิยมผลิตเป็นทรงกลม หรือมน ด้วยข้อแตกต่างนี้เองทำให้กระเป๋าเดินทางของ Louis Vuitton วางซ้อนกันได้ สะดวกต่อการพกพาไปไหนมาไหน และกลายเป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา โดยงานออกแบบของหลุยส์หลายชิ้น ทำให้เขาได้รับรางวัลเหรียญทองและ Grand Prize จากนิทรรศการชื่อดังอย่าง Exposition Universelle ของจักรพรรดินโปเลียนอีกด้วย
ตลอดระยะเวลาที่เขาได้ให้กำเนิดแบรนด์ Louis Vuitton เขาได้สร้างสรรค์ผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเสียชีวิตลงในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1892 ในวัย 72 ปี ภายหลังส่งมอบกิจการให้ลูกชาย 'จอร์จ วิตตอง' เป็นผู้ดูแลต่อ ปัจจุบัน หลุยส์ วิตตอง เป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลกที่มูลค่ารวมทั้งสิ้น 2.84 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีบริษัทตั้งอยู่ในอีกกว่า 50 ประเทศ และมีช็อปอีกกว่า 460 แห่งทั่วโลก
