อีกครั้ง ที่รถแห่งไฟแห่งชนชั้นและความไม่เท่าเทียม อย่าง 'Snowpiercer' กำลังจะกลับมาวิ่งอีกหนในรูปแบบซีรีส์บน 'Netflix' เพียงแค่ได้ดูตัวอย่างที่มีความยาว 1 นาทีนิดๆ ก็เห็นได้ว่าการเอาชีวิตรอดบนรถด่วนขบวนสุดท้ายนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้ายและแทบจะไม่มีทางหนีได้เลย
Snowpiercer เป็นซีรีส์ที่ถูกดัดแปลงมาจากเวอร์ชันภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกของ 'บงจุนโฮ' ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ที่คว้ารางวัลออสการ์เมื่อครั้งล่าสุด ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมให้กับ Parasite (2019) ซึ่งหนังที่เกี่ยวกับรถด่วนขบวนนี้มีการนำเสนอแบบแบ่งชนชั้นกันในโลก Post Apocalyptic ได้อย่างน่าสนใจ โดยสามารถกวาดรายได้ไปทั่วโลกกว่า 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าด้วยเรื่องราวในช่วงเวลา 7 ปี หลังจากที่โลกได้เข้าสู่ยุคน้ำแข็ง เหล่ามนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่เหลือรอด ต้องใช้ชีวิตอยู่บน 'รถไฟทะลวงน้ำแข็ง' ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรนิรันดร์ และวิ่งวนรอบโลกไปซ้ำๆ ไม่รู้จบ เพื่อให้ทุกชีวิตสามารถอยู่รอดได้ในสภาพอากาศที่อันแสนเลวร้าย
เวอร์ชันภาพยนตร์ นำแสดงโดย 'คริส อีแวนส์' ที่เคยรับบทกับตันอเมริกา กระโดดข้ามมาถือมีดฟันแบบไม่มีแม้แต่พลังพิเศษในบทบาทของ หัวหน้าฝ่ายปฏิวัติ ทั้งยังได้ 'ซงคังโฮ' นักแสดงคู่บุญของผู้กำกับบงจุนโฮมารับบทชายปริศนาที่เป็นตัวแปรสำคัญของเรื่อง ร่วมด้วย 'ทิลดา สวินตัน' มารับบทเป็นตัวแทนจากฝ่ายหัวขบวนที่จะต้องปะทะกับฝ่ายปฏิวัติโดยตรง ในขณะที่เวอร์ชันซีรีส์นั้นแสดงนำโดย 'ดาวิด ดิกส์' นักแสดงผิวสีจากภาพยนตร์เรื่อง Blindspotting (2018) มารับบทเป็นผู้นำการปฏิวัติ และ 'เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี' นักแสดงหญิงที่เคยคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก A Beautiful Mind (2001) มารับบทเป็นหญิงชนชั้นสูงที่อาศัยอยู่หัวขบวนรถไฟ
ถ้าใครที่เคยได้ดูหนังเรื่องนี้มาก่อน จะเห็นว่าตัวเรื่องไม่ได้เน้นไปที่ความเหน็บหนาวภายนอกขบวนรถ แต่พยายามสะท้อนให้เห็นถึงสภาพภายในจิตใจของตัวละครมากกว่า การแบ่งชนชั้นที่เห็นได้ชัดเจนราวฟ้ากับเหว ชนชั้นสูงที่ใช้ชีวิตสุขสบายแบบไม่ต้องคิดอะไรมากอยู่หัวขบวน ส่วนท้ายขบวนก็เต็มไปด้วยผู้คนที่แออัด ประทังชีวิตด้วยแท่งโปรตีนที่เห็นแล้วรู้สึกขนลุก จนวันหนึ่ง ชนชั้นล่างเกิดทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาทำการปฏิบัติเพื่อทวงคืนในสิ่งที่พวกเขาควรได้รับ
ที่สำคัญ ในเวอร์ชันซีรีส์ก็ยังมีรายละเอียดที่เป็นภาพจำจากเวอร์ชันภาพยนตร์มาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ห้องพักสุดหรู , อะควาเรียม , แท่งโปรตีน , ความแออัด ตลอดจนการลงโทษที่แสนโหดเหี้ยมโดยไม่จำเป็นต้องเห็นเลือดสักหยด นอกจากนั้น บงจุโฮ ยังได้มานั่งในตำแหน่ง Executive Producer ของซีรีส์เรื่องนี้ ร่วมกับ 'พัคชานอุก' ผู้กำกับแถวหน้าของเกาหลีที่เคยฝากผลงานในหนังฮอลลีวูดมาแล้วหลายเรื่องด้วย ต้องจับตากันต่อไปว่าซีรีส์จะได้เสียงตอบรับที่ถล่มทลายมากขนาดไหน รับชมได้พร้อมกัน 25 พฤษภาคมนี้ 2020 บน Netflix
ภาพประกอบ IMDb
