ออกอากาศไปได้ 2 ตอนแล้ว สำหรับซีรีส์เรื่องใหม่จากช่อง tvN เรื่อง 'Its Okay to Not Be Okay' หรือในชื่อภาษาไทย คือ 'เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน' จากสตูดิโอผู้สร้างซีรีส์ที่ได้รับความนิยมในเกาหลี รวมถึงประเทศไทย อย่าง Hotel Del Luna , Crash Landing on You และ Hospital Playlist ทั้งยังเป็นการกลับมารับบทพระเอกเต็มตัวอีกครั้งหลังออกจากกรมของ 'คิมซูฮยอน' อีกด้วย โดยเรื่องนี้มาในคอนเซปต์การเยียวยาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในหัวใจ ในยุคที่ผู้คนมีสถิติการเจ็บป่วยทางจิตใจเพิ่มมากขึ้น แค่ตัวอย่างก็เป็นอะไรที่ชวนให้ติดตามแล้ว
Its Okay to Not Be Okay เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน ว่าด้วยเรื่องราวความโรแมนติกที่ไม่ธรรมดาของคนสองคนที่ลงเอยด้วยการเยียวยาบาดแผลในจิตใจและเติมเต็มความรู้สึกให้แก่กัน มุนคังแท (คิมซูฮยอน) ชายหนุ่มที่ทำงานอยู่ในแผนกผู้ป่วยจิตเวช มีหน้าที่จดบันทึกสภาวะของผู้ป่วยเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ผู้ป่วยอาละวาด หรือหลบหนี คังแทนั้นถือได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติที่นับเป็นชายในฝันของสาวๆ หลายคน แต่ชีวิตของเขากลับทุ่มเทให้พี่ชาย มุนซังแท (โอจองเซ) ที่ป่วยเป็นโรคออทิสติก แล้ววันหนึ่ง โชคชะตาก็นำพาให้เขามาพบกับ โกมุนยอง (ซอเยจี) นักเขียนวรรณกรรมเยาวชนชื่อดัง หญิงสาวที่มีนิสัยเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเอง ทั้งเย่อหยิ่งและหยาบคาย เรื่องราวจะเป็นยังไง ต้องไปติดตามกันในเรื่องเต็ม
Its Okay to Not Be Okay เป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยตัวละครที่ต่างมีบาดแผลและข้อบกพร่องมากมายที่รอจะได้รับการเยียวยา โดยในงานเปิดตัวซีรีส์เรื่องนี้ ซอเยจี ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า "ฉันเชื่อว่าผู้ชมแต่ละคนต่างก็มีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละคนจะสัมผัสประสบการณ์การรับชมที่ต่างกันไปด้วย สิ่งสำคัญของซีรีส์เรื่องนี้คือการได้เยียวยาจากความเจ็บปวด ถ้าคุณได้ดู Its Okay to Not Be Okay กับคนที่รัก คุณจะได้เยียวยาไปด้วยกัน โกรธไปด้วยกัน หัวเราะและมีความสุขไปด้วยกัน"
ในขณะเดียวกัน ภายหลังที่ คิมซูฮยอน ได้อ่านบทเรื่องนี้จบเขาก็ตัดสินใจได้ทันทีและเผยถึงความรู้สึกว่า "ตอนที่ผมอ่านบทแล้วผมรู้สึกเจ็บปวดในจิตใจ สิ่งนี้ทำให้ผมตัดสินใจรับงานนี้ เพราะมันเป็นบทบาทที่ท้าทายว่าตัวผมเองจะถ่ายทอดความเจ็บปวดเหล่านั้นออกมาอย่างไร"
ซีรีส์เรื่องนี้นับว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวและแฟนๆ ต่างรอคอยที่จะได้ชม นับเป็นการต้อนรับการกลับมาของ คิมซูฮยอน ที่ต้องหยุดงานในวงการบันเทิงไปพักใหญ่เพื่อรับใช้ชาติ ทั้งยังได้มาร่วมงานกับนักแสดงฝีมือดี อย่าง ซอเยจี และได้ทำงานร่วมกับผู้กำกับ พัคชินอู (Encounter, Hyde Jekyll, Me) ไม่ใช่แค่พล็อตเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับจิตวิทยาเท่านั้น แต่ยังมีเส้นเรื่องอื่นที่ถือเป็นความแปลกใหม่อย่างมาก เชื่อได้ว่าจะเป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับความนิยม
คิมซูฮยอน : ตอนอ่านบทครั้งแรก ผมรู้สึกถึงความยาก ถ้าคุณได้ชมซีรีส์เรื่องนี้แล้วคุณก็น่าจะคิดแบบผม คาแรกเตอร์หลากหลาย ตัวละครแต่ละตัวก็มีเรื่องราวของตัวเอง และเรื่องราวของความรักด้วย แต่ไม่ว่าคุณจะมองจากมุมมองไหน ผมหวังว่าสุดท้ายแล้วคุณจะชอบเรื่องนี้
ซอเยจี : ตอนที่ฉันอ่านบท ฉันไม่เคยเห็นคาแรกเตอร์ตัวละครแบบโกมุนยองในซีรีส์เกาหลีเรื่องไหนมาก่อน ตอนอ่านบทฉันรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เพราะโกมุนยองเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น เธอเหมือนเป็นดาบที่ทำร้ายทั้งตัวเองและคนรอบข้าง แต่ในขณะเดียวกันฉันถูกดึงดูดด้วยตัวละครตัวนี้ เธอเป็นคนที่มีอะไรในตัวเยอะมาก ฉันเชื่อว่าถ้าฉันถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ข้างในตัวโกมุนยองออกมาได้หมด จะทำให้เรื่องราวสมบูรณ์แบบมากขึ้น
คิมซูฮยอน : ตอนเริ่มต้นของซีรีส์นี้ มันเหมือนเป็นการพบกันของคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากในตอนแรกนะครับ เมื่อเราค่อยๆ เริ่มเข้าบทบาทของมุนคังแทและโกมุนยอง เราใช้เวลาทำงานด้วยกันเยอะมาก เราก็ค่อยๆ รู้สึกผ่อนคลาย เป็นกันเองมากขึ้น เรามีเคมีที่เข้ากันได้ ผมหวังว่าผู้ชมจะสัมผัสเคมีของเราจากซีรีส์เรื่องนี้ได้
ซอเยจี : วันแรกที่เราเจอกัน เขาเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นมากๆ เราเข้ากันได้ดี ฉันคิดว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทำงานด้วยค่ะ
โกมุนยอง นักเขียนหนังสือเด็กวัย 30 เธอเป็นคนที่มีบุคลิกต่อต้านสังคม หรืออาจจะเรียกว่าเป็นโรคก็ได้ แม่ของเธอเป็นนักเขียนนวนิยายอาชญากรรมชื่อดัง มีพ่อเป็นอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัย แต่ตัวเธอกลับมีข้อบกพร่องที่ร้ายแรง เมื่อพระเจ้าทรงลืมให้อารมณ์และความรู้สึกมาด้วย เธอจึงเติบโตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยว เด็กๆ พากันหลบเลี่ยงและเรียกเธอว่าเป็นเด็กประหลาด แต่เมื่อโตขึ้น โกมุนยองสวยและเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในงานเขียนหนังสือเด็ก จนใครๆ ก็อยากมาใกล้ชิด แต่ถึงแม้โกมุนยองจะอายุ 30 แล้ว เธอก็ยังคงชอบโกหก เห็นแก่ตัว ไม่มีจริยธรรม ขาดวุฒิภาวะ และเป็นคนหยาบคาย เธอจึงกลายเป็นความสมบูรณ์แบบที่มีแต่รอยตำหนิ
ซอเยจี : สำหรับโกมุนยอง คุณจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดไปพร้อมเธอ แต่ในขณะเดียวกันคุณก็จะได้รับการเยียวยาไปพร้อมเธอ คอนเซปต์ของการที่เธอไม่แคร์ ไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น มันเหมือนเป็นพลังของตัวละครนี้ เมื่อคุณร่วมเดินทางไปกับเธอ ผ่านความยากลำบาก ผ่านการกระทำ ผ่านอดีต ผ่านความผิดหวัง หรือแม้แต่อนาคต คุณจะเริ่มเข้าใจและคิดถึงความรู้สึกของคนรอบข้างมากขึ้น
ซอเยจี : ฉันได้ศึกษาคาแรกเตอร์ของคนที่มีลักษณะต่อต้านสังคม หรือมีความผิดปกติทางบุคลิกภาพจนได้ข้อสรุปว่า โกมุนยองมีเอกลักษณ์และมีความเป็นตัวของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร ฉันพยายามถ่ายทอดมันออกมาผ่านการแต่งหน้า ทำผม คอสตูม ที่ใครๆ ก็ต้องบอกว่าแปลกและไม่ปกติ ซึ่งฉันพยายามไม่โฟกัสไปที่ความเป็นแฟชั่นนิสต้าของเธอ แต่เป็นความคิดข้างในมากกว่า เพราะลักษณะภายนอกที่เราเห็นทั้งหมด มันเป็นการแสดงออกอย่างสุดโต่งของตัวละครนี้ ซึ่งจุดประสงค์ของการแต่งตัวไม่ใช่การอวด แต่เพื่อปกป้องสิ่งที่อยู่ภายในตัวเองมากกว่า
คิมซูฮยอน : หลังออกจากกรม ผมแข็งแกร่งขึ้นมากทั้งร่างกายและจิตใจ และมีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น มีประสบการณ์ มีทัศนคติที่ชัดเจนขึ้นกับการแสดง ผมว่าผู้ชมที่เคยชมผลงานของผมมาก่อนหน้านี้น่าจะสัมผัสได้
ซอเยจี : สำหรับบทของโกมุนยอง เมื่อศึกษาลงไปลึกๆ แล้ว ฉันคิดว่าเธอมีลักษณะบางอย่างคล้ายแม่มด ฉันจึงโฟกัสไปที่ตรงนี้ รวมถึงการใช้เสียงต่ำ ออร่าบางอย่าง ที่ช่วยให้ฉันเข้าถึงคาแรกเตอร์ความเป็นแม่มดภายในได้ดียิ่งขึ้น การแสดงเรื่องนี้ ทำให้ฉันได้รับประสบการณ์ ทั้งการเยียวยาจิตใจและได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้นค่ะ
มุนคังแท ผู้ดูแลผู้ป่วยแผนกจิตเวชวัย 30 ปี ถึงภายนอกจะดูว่าเป็นคนที่เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตา รูปร่าง และนิสัยใจคอที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น อดทน แข็งแรง แต่เขาก็ยังมีภาระที่จะต้องแบกเอาไว้ตลอดชีวิต นั่นคือพี่ชายที่มีอายุห่างกัน 8 ปี ซึ่งเป็นออทิสติก พ่อแม่ของพวกเสียชีวิตไปเมื่อ 18 ปีก่อน ทำให้สองพี่น้องต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ไม่มีเพื่อน เรียนไม่จบ และต้องคอยเทียวขอโทษผู้คนจากปัญหาที่พี่ชายได้ก่อเอาไว้ "มันเหมือนกับผมต้องคลานแหวกโคลนตมทั้งปีทั้งชาติไม่เคยได้ลุกขึ้นยืนเลย"
มุนซังแท นักวาดภาพประกอบของโกมุนยองวัย 37 ปี เขาป่วยเป็นโรคออทิสติก ลูกชายคนโตในครอบครัวที่พ่อแม่ยากจนสุดๆ เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 6 ขวบ ก่อนที่พ่อและแม่จะรู้ว่าเขามีความผิดปกติ พวกเขาตัดสินใจที่จะมีลูกอีกคน ซึ่งโชคยังดีที่มุนซังแทพอจะช่วยเหลือตัวเองได้ มีไอคิวเกิน 70 และมีความสามารถทางด้านภาษา เขามีความทรงจำเป็นรูปภาพและสนใจในการสร้างงานศิลปะ เขาไม่ต้องการความสนใจ หรือการแสดงความรัก ไม่ชอบการถูกสัมผัส ภายนอกอาจจะดูเป็นคนที่เย็นชา แต่นี่คือตัวตนโดยธรรมชาติ ไม่มีเจตนา และง่ายกว่าหากยอมรับโดยที่ไม่ต้องไปคิดอะไรให้มากนัก
คิมซูฮยอน : เมื่อมุนคังแทอยู่กับพี่ชาย เขาจะทำตัวเหมือนเป็นพี่ชาย พยายามเป็นคนที่โตกว่า เป็นผู้ใหญ่กว่า ต้องเก็บความรู้สึก แต่เมื่อมุนคังแทมาเจอกับโกมุนยอง จุดนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเขา เขาจะมีความเป็นเด็ก แสดงออกอย่างที่อยากทำ เขากล้าที่จะบ่นสิ่งต่างๆ ต่อหน้าโกมุนยอง
คิมซูฮยอน : ซีรีส์เรื่องนี้นับเป็นเรื่องแรกหลังจากที่ผมออกจากกรม และผมรู้สึกยินดีมากๆ ที่ Its Okay to Not Be Okay เป็นซีรีส์เรื่องแรกของผม ตอนที่อยู่ในกรมผมรู้เลยว่าผมคิดถึงงานแสดงมากแค่ไหน ซีรีส์เรื่องนี้ผมจึงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้มันออกมาดีที่สุดครับ
คิมซูฮยอน : แม้ว่าเราทุกคนจะมีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เป็นสากลจากซีรีส์เรื่องนี้คือวิธีการที่เรารัก วิธีการที่เรานึกถึงและห่วงใยคนสำคัญในชีวิต สิ่งที่เป็นสากลเหล่านี้ผมเชื่อว่าผู้ชมจะเชื่อมโยงกับมันได้ หวังว่าทุกคนจะเพลิดเพลินไปตลอดการเดินทางของตัวละคร ได้เห็นตัวตนของตัวเองสะท้อนผ่านตัวละครในเรื่อง และค้นพบสิ่งสำคัญของชีวิตนะครับ
Its Okay to Not Be Okay ออกอากาศตอนแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ทาง tvN และในประเทศไทยสามารถรับชมได้ผ่านทาง Netflix โดยจะออกอากาศสัปดาห์ละ 3 ตอน ในวันเสาร์และอาทิตย์ มีจำนวนทั้งสิ้น 16 ตอน
VIDEO